Margin Call and Stop Out on Exness for Thai traders
Home » Margin call
Margin Call and Stop Out: Mechanisms, Prevention, and Management
การซื้อขายด้วยเลเวอเรจบน Exness ต้องเข้าใจระบบ Margin Call และ Stop Out ซึ่งเป็นกลไกป้องกันความเสี่ยง หากระดับมาร์จิ้นลดลงต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ระบบจะแจ้งเตือนหรือปิดตำแหน่งอัตโนมัติเพื่อป้องกันการขาดทุนเกินทุน การเข้าใจวิธีคำนวณและการป้องกันจะช่วยให้จัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Core Concepts
Margin Explained
มาร์จิ้นคือหลักประกันที่ใช้ในการเทรดด้วยเลเวอเรจ:
ประเภทของมาร์จิ้น:
- Initial Margin (มาร์จิ้นเริ่มต้น): จำนวนเงินที่ต้องใช้เพื่อเปิดตำแหน่ง
- Maintenance Margin (มาร์จิ้นรักษาสถานะ): จำนวนเงินขั้นต่ำที่ต้องมีเพื่อรักษาตำแหน่งที่เปิดไว้
- Free Margin (มาร์จิ้นอิสระ): เงินทุนที่สามารถใช้เปิดตำแหน่งใหม่ได้
สูตรคำนวณพื้นฐาน:
- Initial Margin = ขนาดตำแหน่ง ÷ เลเวอเรจ
- Maintenance Margin = Initial Margin × อัตราการรักษาสถานะ (ประมาณ 50-80%)
- Free Margin = Equity – Used Margin
- Margin Level = (Equity ÷ Used Margin) × 100%
ตัวอย่างการคำนวณ:
- ขนาดตำแหน่ง: 1 ล็อต EUR/USD (100,000 EUR)
- เลเวอเรจ: 1:100
- Initial Margin: $1,000 (100,000 ÷ 100)
- เงินทุนในบัญชี: $2,000
- Free Margin: $1,000 ($2,000 – $1,000)
- Margin Level: 200% (($2,000 ÷ $1,000) × 100%)
Margin Call vs Stop Out
ความแตกต่างระหว่าง Margin Call และ Stop Out:
Margin Call:
- การแจ้งเตือนจากโบรกเกอร์เมื่อ Margin Level ลดลงถึงระดับที่กำหนด
- โดยทั่วไปเกิดขึ้นที่ 100-120% Margin Level
- เป็นการเตือนให้เพิ่มเงินทุนหรือลดความเสี่ยง
- ไม่มีการดำเนินการบังคับในขั้นตอนนี้
- รูปแบบการแจ้งเตือน: อีเมล, SMS, การแจ้งเตือนในแพลตฟอร์ม
Stop Out:
- การปิดตำแหน่งโดยอัตโนมัติเมื่อ Margin Level ลดลงต่ำกว่าระดับวิกฤต
- โดยทั่วไปเกิดขึ้นที่ 30-50% Margin Level
- ระบบจะปิดตำแหน่งที่ขาดทุนมากที่สุดก่อน
- ดำเนินการจนกว่า Margin Level จะกลับมาเหนือระดับ Stop Out
- เป็นกลไกป้องกันการขาดทุนเกินเงินทุน
ระดับที่กำหนดบน Exness:
- Margin Call Level: 40-60% (ขึ้นอยู่กับประเภทบัญชี)
- Stop Out Level: 0-30% (ขึ้นอยู่กับประเภทบัญชี)
- ตรวจสอบระดับที่แน่นอนในข้อกำหนดของบัญชีที่ใช้
Calculation Methods
Real-Time Margin Calculation
วิธีการคำนวณมาร์จิ้นแบบเรียลไทม์:
องค์ประกอบในการคำนวณ:
- Account Balance: เงินในบัญชีรวมกำไร/ขาดทุนที่ปิดไปแล้ว
- Floating P/L: กำไร/ขาดทุนที่ยังไม่ได้ปิดจากตำแหน่งที่เปิดอยู่
- Equity: Balance + Floating P/L
- Used Margin: มาร์จิ้นที่ถูกใช้ไปสำหรับตำแหน่งที่เปิดอยู่
- Margin Level: (Equity ÷ Used Margin) × 100%
ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง:
- การเคลื่อนไหวของราคาตลาด
- การเปิดตำแหน่งเพิ่ม
- การปิดตำแหน่ง
- การฝากหรือถอนเงิน
- การปรับเปลี่ยนเลเวอเรจ
วิธีติดตาม Margin Level:
- หน้า Terminal ในแพลตฟอร์ม MetaTrader
- หน้า Trade ใน Personal Area ของ Exness
- แอปพลิเคชัน Exness Trader
- การตั้งค่าการแจ้งเตือนส่วนตัว
Instrument-Specific Considerations
ข้อพิจารณาเฉพาะสำหรับเครื่องมือการซื้อขายต่างๆ:
Forex:
- คำนวณในหน่วยของสกุลเงินหลัก (เช่น EUR ใน EUR/USD)
- มาร์จิ้นแตกต่างกันตามคู่สกุลเงิน (คู่หลักใช้มาร์จิ้นน้อยกว่า)
- ต้องพิจารณาค่า Swap หากถือข้ามคืน
สินค้าโภคภัณฑ์:
- คำนวณตามขนาดสัญญามาตรฐาน (เช่น 100 ออนซ์สำหรับทองคำ)
- ความผันผวนสูงอาจต้องใช้มาร์จิ้นมากขึ้น
- มักมีเลเวอเรจต่ำกว่า Forex
ดัชนีหุ้น:
- คำนวณตามมูลค่าของดัชนี
- อาจมีการเปลี่ยนแปลงมาร์จิ้นระหว่างช่วงก่อนและหลังตลาดเปิด
- ต้องระวังช่วงประกาศข่าวสำคัญ
คริปโตเคอร์เรนซี:
- ความผันผวนสูงมากต้องการมาร์จิ้นสูงกว่า
- มักมีเลเวอเรจต่ำกว่าสินทรัพย์อื่น (1:2 – 1:20)
- ข้อกำหนดมาร์จิ้นอาจเปลี่ยนแปลงกะทันหันในช่วงตลาดผันผวน
Prevention Strategies
Risk Management Techniques
เทคนิคจัดการความเสี่ยงเพื่อป้องกัน Margin Call:
การจัดการเงินทุน:
- กฎ 1-2%: เสี่ยงไม่เกิน 1-2% ของเงินทุนต่อการเทรดหนึ่งครั้ง
- รักษา Free Margin อย่างน้อย 50% ของเงินทุน
- คำนวณขนาดตำแหน่งตาม Stop Loss เสมอ
- ไม่ใช้เลเวอเรจสูงเกินไป (แนะนำ 1:30 หรือต่ำกว่าสำหรับผู้เริ่มต้น)
การตั้ง Stop Loss:
- ตั้ง Stop Loss ทุกครั้งที่เปิดตำแหน่ง
- วาง Stop Loss ตามจุดกลับตัวทางเทคนิค
- พิจารณาความผันผวนเฉลี่ยเพื่อหลีกเลี่ยง Stop Loss แคบเกินไป
- ใช้ Trailing Stop เพื่อรักษากำไรและลดความเสี่ยง
การกระจายความเสี่ยง:
- หลีกเลี่ยงการเปิดหลายตำแหน่งที่มีความสัมพันธ์กันสูง
- กระจายการเทรดในหลายเครื่องมือหรือหลายกรอบเวลา
- ไม่เปิดตำแหน่งใหม่เมื่อ Margin Level ต่ำกว่า 200%
- ลดขนาดตำแหน่งในช่วงข่าวสำคัญหรือตลาดผันผวน
Monitoring and Alert Systems
ระบบติดตามและแจ้งเตือนเพื่อป้องกันปัญหาเกี่ยวกับมาร์จิ้น:
เครื่องมือติดตาม:
- แผงควบคุม Margin ใน MetaTrader
- ตั้งค่าการแสดงผล Free Margin และ Margin Level
- ใช้ Exness Calculator เพื่อวางแผนการเทรดล่วงหน้า
- Expert Advisors สำหรับติดตาม Margin Level
ระบบแจ้งเตือน:
- ตั้งค่าแจ้งเตือนที่ 150% Margin Level (ก่อนถึงระดับ Margin Call)
- ใช้แอปพลิเคชันมือถือเพื่อติดตามสถานะแบบเรียลไทม์
- ตั้งค่าแจ้งเตือนทาง SMS หรืออีเมลสำหรับการเปลี่ยนแปลงสำคัญ
- ใช้สคริปต์หรือ EA เพื่อปิดตำแหน่งอัตโนมัติที่ระดับกำหนดเอง
การตรวจสอบประจำ:
- ตรวจสอบ Margin Level ก่อนเปิดตำแหน่งใหม่
- ประเมินผลกระทบของตำแหน่งใหม่ต่อ Margin Level ทั้งหมด
- ติดตาม Swap ที่อาจลดเงินทุนเมื่อถือตำแหน่งข้ามคืน
- ทบทวนการใช้มาร์จิ้นเป็นประจำและปรับกลยุทธ์ตามความเหมาะสม
Handling Margin Issues
Responding to Margin Call
วิธีรับมือเมื่อได้รับ Margin Call:
ขั้นตอนทันที:
- ประเมินสถานการณ์อย่างรวดเร็วแต่ไม่ตื่นตระหนก
- ตรวจสอบ Margin Level ปัจจุบันและแนวโน้มการเปลี่ยนแปลง
- ระบุตำแหน่งที่สร้างความเสี่ยงมากที่สุด
- หยุดเปิดตำแหน่งใหม่ทันที
ตัวเลือกในการแก้ไข:
- เพิ่มเงินทุน:
- ฝากเงินเพิ่มเพื่อเพิ่ม Margin Level
- ใช้เฉพาะเงินที่พร้อมสูญเสียได้
- ปิดตำแหน่งบางส่วน:
- เริ่มจากตำแหน่งที่ขาดทุนมากที่สุด
- ปิดตำแหน่งที่ใช้มาร์จิ้นมากที่สุด
- พิจารณาปิดตำแหน่งที่กำไรเพื่อล็อกผลตอบแทน
- ลดขนาดตำแหน่ง:
- ลดขนาดตำแหน่งที่ใหญ่เพื่อปลดล็อกมาร์จิ้น
- ดำเนินการก่อนที่ตลาดจะเคลื่อนไหวต่อไปในทิศทางตรงข้าม
การวางแผนระยะยาว:
- วิเคราะห์สาเหตุที่นำไปสู่ Margin Call
- ปรับกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงเพื่อป้องกันในอนาคต
- พิจารณาลดเลเวอเรจหรือเพิ่มเงินทุนในบัญชี
Post Stop Out Recovery
การฟื้นตัวหลังจากเกิด Stop Out:
ประเมินสถานการณ์:
- รวบรวมข้อมูลว่าตำแหน่งใดถูกปิดและเหตุใด
- คำนวณผลกระทบต่อเงินทุนรวม
- ประเมินสภาพตลาดปัจจุบันและแนวโน้ม
- ตรวจสอบประวัติการซื้อขายเพื่อวิเคราะห์จุดผิดพลาด
การปรับกลยุทธ์:
- รีเซ็ตแผนการซื้อขาย ไม่พยายาม “แก้มือ” ทันที
- ลดขนาดตำแหน่งในการเทรดถัดไป (50% ของปกติ)
- ลดเลเวอเรจจนกว่าจะฟื้นความมั่นใจ
- ใช้ Stop Loss ที่เข้มงวดขึ้นชั่วคราว
แผนการฟื้นฟูทางการเงิน:
- ตั้งเป้าหมายการฟื้นฟูเงินทุนที่เป็นไปได้ (5-10% ต่อเดือน)
- หลีกเลี่ยงการเพิ่มความเสี่ยงเพื่อคืนทุนเร็วขึ้น
- พิจารณาเพิ่มเงินทุนหากเหมาะสม
- เน้นการสร้างความสม่ำเสมอในการทำกำไรเล็กๆ
การเรียนรู้จากประสบการณ์:
- บันทึกรายละเอียดเหตุการณ์ในบันทึกการซื้อขาย
- ระบุจุดอ่อนในระบบการจัดการความเสี่ยง
- พัฒนาแผนป้องกัน Stop Out ในอนาคต
- พิจารณาการฝึกซ้อมในบัญชีทดลองก่อนกลับไปเทรดด้วยเงินจริง
คำถามที่พบบ่อย
การถอนเงินจากบัญชีส่งผลต่อ Margin Level อย่างไร?
การถอนเงินลดทั้ง Balance และ Equity ในบัญชีโดยตรง ในขณะที่ Used Margin ยังคงเท่าเดิม ส่งผลให้ Margin Level ลดลงตามสูตร (Equity ÷ Used Margin) × 100% ตัวอย่างเช่น หากคุณมี Equity $2,000 และ Used Margin $500 (Margin Level 400%) การถอน $500 จะทำให้ Equity เหลือ $1,500 และ Margin Level ลดลงเป็น 300% ($1,500 ÷ $500 × 100%) ก่อนถอนเงิน ควรคำนวณผลกระทบต่อ Margin Level และตรวจสอบว่ายังคงมีระยะห่างเพียงพอจากระดับ Margin Call หากมีตำแหน่งที่เปิดอยู่ การปิดบางตำแหน่งหรือลดขนาดก่อนถอนเงินอาจเป็นการป้องกันที่ดี
เลเวอเรจสูงขึ้นจะเพิ่มความเสี่ยงของ Margin Call อย่างไร?
เลเวอเรจที่สูงขึ้นลดจำนวนมาร์จิ้นที่ต้องใช้ในการเปิดตำแหน่ง ทำให้เปิดตำแหน่งขนาดใหญ่ขึ้นด้วยเงินทุนเท่าเดิม ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในสองทาง: (1) การเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อยส่งผลกระทบมากขึ้นต่อ Equity (2) Margin Level เข้าใกล้จุดวิกฤตเร็วขึ้นเมื่อตลาดเคลื่อนไหวตรงข้าม ตัวอย่างเช่น เลเวอเรจ 1:500 ต้องการเพียง 0.2% ของขนาดตำแหน่งเป็นมาร์จิ้น ขณะที่เลเวอเรจ 1:100 ต้องการ 1% หมายความว่าการเคลื่อนไหวของราคาเพียง 0.2% ในทิศทางตรงข้ามอาจทำให้ Margin Level ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในกรณีแรก เลเวอเรจต่ำลง (เช่น 1:30 หรือ 1:50) ให้พื้นที่ปลอดภัยมากขึ้นและเวลาในการตัดสินใจก่อนเกิดปัญหามาร์จิ้น
Margin Call และ Stop Out สามารถเกิดขึ้นในเวลากลางคืนหรือวันหยุดได้หรือไม่?
ใช่ Margin Call และ Stop Out สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาที่ตลาดเปิดทำการ รวมถึงในเวลากลางคืนหรือช่วงสุดสัปดาห์สำหรับตลาดที่เปิด 24/5 หรือ 24/7 ความเสี่ยงจะสูงขึ้นในช่วงเปิดตลาดหลังวันหยุดยาว เมื่อมักเกิดช่องว่างราคา (gap) จากข่าวหรือเหตุการณ์ระหว่างปิดตลาด ตัวอย่างที่พบบ่อยคือการเคลื่อนไหวรุนแรงในตลาด Forex เมื่อเปิดวันจันทร์ หรือหลังประกาศข่าวสำคัญในช่วงที่สภาพคล่องต่ำ นักเทรดควรเพิ่มความระมัดระวังก่อนช่วงวันหยุด โดยลดขนาดตำแหน่ง ปิดตำแหน่งที่มีความเสี่ยงสูง หรือเพิ่ม Free Margin เพื่อรองรับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น